วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สตานิสลอว์ สคัลสกี้ กับคณะละครสัตว์ของเขา

                                                                                                                 ปกรณ์ นิลประพันธ์

  
                    สุดยอดนักบินโปแลนด์ สตานิสลอว์ สคัลสกี้ (Stanisław Skalski) เกิดเมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๑๙๑๕ (พ.ศ. ๒๔๕๘) ที่อำเภอโกดีมา (Kodyma) ซึ่งเป็นอำเภอเล็ก ๆ ในจังหวัดโอเดสสา (Odessa Oblast) ของรอสซิสกาย่า อิมเพริย่า (Российская империя) หรือจักรวรรดิรัสเซีย (ปัจจุบันจังหวัดโอเดสสาเป็นเมืองใหญ่ลำดับที่ ๔ ของยูเครน)




                   หลังจากจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษา สคัลสกี้ผู้ใฝ่ฝันที่จะบินได้ในอากาศก็ได้สมัครเข้ารับการฝึกบินที่โรงเรียนการบินและสำเร็จหลักสูตรนักบินขับไล่ในปี ๑๙๓๘ เมื่อมีอายุได้ ๒๓ ปี  หลังจากนั้น กองทัพอากาศโปแลนด์มีคำสั่งให้เขาไปปฏิบัติหน้าที่นักบินขับไล่ประจำฝูงบิน ๑๔๒ มีฐานปฏิบัติการที่เมืองโทรัน เมืองมรดกโลกอันเงียบสงบริมฝั่งแม่น้ำวิสตูล่า ทางตอนเหนือของประเทศ โดยฝูงบินนี้ประจำการด้วยเครื่องบินขับไล่มาตรฐานของกองทัพอากาศโปแลนด์ในขณะนั้น คือ PZL P-๑๑c ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ปี ๑๙๓๔ 

ภาพทิวทัศน์เมืองโทรันในปัจจุบัน ถ่ายจากฝั่งซ้ายของแม่น้ำวิสตูล่า

                   เมื่อเยอรมันเปิดยุทธการโพเล่นเฟลซุก (Polenfeldzug) ตามรหัสฟอลวีส (Fall Weiss) หรือรหัสสีขาว เพื่อบุกยึดโปแลนด์ระหว่างวันที่ ๑ กันยายน ถึงวันที่ ๖ ตุลาคม ๑๙๓๙ นั้น สตานิสลอว์ สคัลสกี้ ได้รับคำสั่งให้ออกปฏิบัติการปกป้องผืนแผ่นดินเกิดของเขาตั้งแต่นาทีแรกของสงคราม โดยสคัลสกี้ขับ PZL P-๑๑c คู่ชีพของเขาไปจัดการเครื่องบินลาดตระเวน Hs ๑๒๖ ของลุฟท์วาฟเฟ่ตกเป็นเครื่องแรกเมื่อเวลา ๕.๓๒ น. ของวันที่ ๑ กันยายน ๑๙๓๙ และเป็นหนึ่งในนักบินคนแรก ๆ ที่เปิดสกอร์การรบทางอากาศของสงครามโลกครั้งที่สอง

                                                                           PZL P-๑๑c

                    หลังจากนั้นอีก ๑๕ วัน สคัลสกี้กลายเป็นตัวแสบของลุฟท์วาฟเฟ่เมื่อ PZL P-๑๑c หมายเลข ๖๖ ที่เขาตั้งชื่อว่า โซเซีย (Zosia) ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ Junkers Ju-๘๖ ตกลงไปหนึ่งเครื่อง Dornier Do-๑๗ สองเครื่อง Junkers Ju-๘๗ สตูก้า หนึ่งเครื่อง และ Hs ๑๒๖ อีกสองเครื่อง แถมยังมีส่วนร่วมในการยิง Hs ๑๒๖ ตกอีกหนึ่งเครื่องด้วย นอกจากนี้ เขายังควงเจ้าม้าแก่คู่ชีพกระหน่ำสุดยอดเครื่องบินขับไล่เวลานั้น คือ Bf-๑๐๙ กับ Hs ๑๒๖ และ Ju-๘๗ จนพิการและต้องบินหนีกลับไปหลบเลียแผลใจที่เยอรมันอีกอย่างละเครื่องด้วย  อย่างไรก็ดี สคัลสกี้ต้องเลิกออกล่าเครื่องบินของลุฟท์วาฟเฟ่ในวันที่ ๑๖ กันยายน ๑๙๓๙ เพราะรัสเซียได้เข้าร่วมกับเยอรมันในการบุกโปแลนด์ด้วย สถานการณ์สู้รบจึงยิ่งแย่ลงกว่าเดิมและอาจกล่าวได้ว่าโปแลนด์ในนาทีนั้นอยู่ในฐานะที่แพ้สงครามแน่แล้ว สคัลสกี้กับนักบินโปลลิชอื่นจึงหนีออกจากโปแลนด์ไปยังฝรั่งเศสผ่านทางโรมาเนียและสุดท้ายไปยังอังกฤษ โดยมีความหวังเดียวว่าจะไปร่วมกับอังกฤษเพื่อกลับมากอบกู้แผ่นดินอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเขา

                                                                    Hs ๑๒๖

                   เมื่อไปถึงอังกฤษ สคัลสกี้ได้เข้าร่วมเป็นนักบินของกองบินหลวงอังกฤษ และกองบินหลวงได้มอบหมายให้เขาปฏิบัติหน้าที่นักบินขับไล่ประจำฝูงบิน ๕๐๑ ซึ่งมีฐานปฏิบัติการที่สนามบินครอยดอน (Croydon) และประจำการด้วยเฮอริเคน Mk. I พื้นที่ปฏิบัติการครอบคลุมภาคใต้ของอังกฤษทั้งหมด โดยอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนาวาอากาศโท H.A.V. Hogan 



                        ในฐานะนักบินของกองบินหลวง สคัลสกี้ได้เข้าร่วมใน Battle of Britain อย่างเต็มตัวเพราะพื้นที่ปฏิบัติการของฝูงบิน ๕๐๑ เป็นพื้นที่หน้าด่านที่ต้องรับมือกับการโจมตีทางอากาศของลุฟท์วาฟเฟ่ และสถานการณ์รบที่แสดงให้เห็นถึงความเยี่ยมยุทธ์ของเขาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๕ กันยายน ๑๙๔๐ โดยเช้ามืดของวันนั้น ผู้บังคับฝูงได้รับคำสั่งให้ส่งนักบินออกไป ต้อนรับ ขบวนบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ของเยอรมันที่บินข้ามช่องแคบโดเวอร์มา



                   สคัลสกี้ได้รับคำสั่งให้ออกปฏิบัติการในเที่ยวนี้ด้วย และทันทีที่เหลือบไปเห็นขบวนบินเยอรมัน สคัลสกี้ปรี่เข้าไปหาเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดกลางสองเครื่องยนต์แบบ Heinkel He-๑๑๑ เป็นลำดับแรก และเลือกยิงไปที่ปีกและเครื่องยนต์ด้านขวาของผู้เคราะห์ร้ายลำนั้นจนไฟลุกท่วมเอียงหัวพุ่งลงดินไป เมื่อเขาหลบไปก็ไปก็เห็นเครื่องบินคุ้มกัน Bf-๑๐๙ บินทะเล่อทะล่าอยู่ข้างหน้าพอดี จึงยิงไปหนึ่งชุดจนมันไฟไหม้และนักบินกระโดดร่มหนีออกมา อีกไม่กี่นาทีต่อมา เขาบินไต่ขึ้นหาระยะสูงอย่างรวดเร็วเพื่อมองลงมาหาเหยื่อ และเขาเห็น Bf-๑๐๙ ลำหนึ่ง กำลังหาคู่อยู่ สคัลสกี้จึงพุ่งลงไปยิงเจ้า Bf-๑๐๙ ลำนั้นอย่างรวดเร็ว มันเกิดระเบิดขึ้นทันที แต่เจ้ากรรมที่เขาหลบการระเบิดไม่พ้น สะเก็ดที่เกิดจากการระเบิดของ Bf-๑๐๙ เคราะห์ร้ายลำนั้นกระเด็นไปโดนถังน้ำมันของเฮอริเคนของเขาพอดี เครื่องบินของเขาจึงพลอยติดไฟไปด้วย สคัลสกี้จึงต้องกระโดดร่มหนีเอาตัวรอด แม้เขาจะรอดมาได้ แต่กระนั้นก็โดนไฟลวกหลายแห่งและต้องนอนโรงพยาบาลถึง ๖ สัปดาห์ ก่อนจะออกมาซ่าได้อีกครั้ง และระหว่าง Battle of Britain สตานิสลอว์ สคัลสกี้ ส่งเครื่องบินของลุฟท์วาฟเฟ่ลงไปกองเป็นเศษเหล็กได้ ๖ ลำ

Hurricane Mk. I of ๕๐๑st Squadron

                   ในปี ๑๙๔๒ กองบินหลวงมอบหมายให้สคัลสกี้ปฏิบัติหน้าที่ผู้บังคับฝูงบิน ๓๑๗ ซึ่งประกอบด้วยนักบินโปแลนด์ เป็นการชั่วคราว และต่อมา เมื่อกองบินหลวงโดยได้รับความเห็นชอบจากกองบัญชาการทหารโปแลนด์ ได้จัดตั้งฝูงบินเฉพาะกิจ Polish Fighting Team (PFT) ขึ้นเมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๑๙๔๓ ประกอบด้วยนักบิน ๑๕ คน เพื่อไปร่วมปฏิบัติราชการสนามในสมรภูมิแอฟริกา ในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ๑๙๔๓ สคัลสกี้ซึ่งมีฝีมือบินที่จัดจ้านที่สุด จึงได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ผู้บังคับฝูงบินนี้

                                                    สคัลสกี้ในเครื่องแบบทหารอากาศอังกฤษ

                   หนุ่มโปลลิชทั้ง ๑๕ คน มาถึงฐานปฏิบัติการของพวกเขา คือ สนามบิน บู กราล่า (Bu Grara) ซึ่งห่างจากทริโปลีไปทางทิศตะวันตก ๒๕๐ กิโลเมตร เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๑๙๔๓ และได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่นักบินกลุ่ม C ของฝูงบิน ๑๔๕ ใช้เครื่องบินสปิตไฟร์ Mk. IX รหัสเรียกขาน ZX ๑-๙ และเริ่มออกปฏิบัติการบินเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๑๙๔๓ 

                    PFT นำโดยสคัลสกี้ประเดิมชัยเป็นครั้งแรกเหนือทะเลทรายอันร้อนระอุเมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๑๙๔๓ โดยสคัลสกี้กับลูกหมู่ชื่อ เรืออากาศโท โฮแบคซิวสกี้ ยิง Junkers Ju-๘๘ ร่วงไปคนละเครื่อง ต่อมาในวันที่ ๒ เมษายน ๑๙๔๓ สคัลสกี้กับลูกหมู่อีก ๓ เครื่อง โคจรไปพบกับ Bf-๑๐๙ ของฝูงบิน ๒ กองบินขับไล่หนึ่งเครื่องยนต์ที่ ๗๗ (II/JG ๗๗) จำนวน ๑๖ ลำ เข้าระหว่างทางกลางทะเลทรายในตูนีเซีย แทนที่จะหนีเพราะมีจำนวนน้อยกว่า หนุ่มโปลิชทั้ง ๔ ชีวิตกลับบุกเข้าตะลุมบอนกับ Bf-๑๐๙ โดยไม่รอช้า และส่งเครื่องบินเยอรมันลงไปจมกองทรายได้ ๓ เครื่อง โดยสคัลสกี้เป็นผู้ยิงตกได้ ๑ เครื่อง สองวันหลังจากนั้น สคัลสกี้ยิง Bf-๑๐๙ ที่บินคุ้มกัน Ju-๘๘ ได้อีก ๑ เครื่อง ด้วยการล่าอย่างมีประสิทธิภาพของเหล่า PFT ซึ่งล้วนเป็นนักบินชาวโปแลนด์ ทำให้เพื่อร่วมฝูงบินพากันขนานนามนักบินกลุ่ม C ของฝูงบิน ๑๔๕ แบบล้อเลียนว่า คณะละครสัตว์ของสคัลสกี้ (Skalski’s Circus) เพราะคณะละครสัตว์มักจะลงท้ายด้วย สกี้ ทั้งนั้น


Badge of PFT Squadron

                   Skalski’s Circus ออกปฏิบัติการวันสุดท้ายเหนือทะเลทรายในวันที่ ๖ พฤษภาคม ๑๙๔๓ ซึ่งสคัลสกี้ปิดฉากการรบในแอฟริกาด้วยการยิง Bf-๑๐๙ ตกอีก ๑ เครื่อง สิริรวมแล้วในช่วงเวลาเพียง ๒ เดือน เขาจัดการเครื่องบินเยอรมันได้ ๔ เครื่อง ส่วนสถิติรวมของ PFT ก็งดงามไม่เบา โดยยิงเครื่องบินเยอรมันตก ๒๕ เครื่อง ไม่ยืนยัน ๓ เครื่อง และพิการแน่ ๆ อีก ๙ เครื่อง

                   หลังจากสงครามในแอฟริกายุติลงเมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๑๙๔๓ กองบินหลวงแต่งตั้ง สคัลสกี้เป็นผู้บังคับฝูงบิน ๖๐๑ และเขาได้เข้าร่วมปฏิบัติการครองอากาศในซิซิลีและอิตาลี ก่อนจะกลับมาอังกฤษในเดือนธันวาคม ๑๙๔๓ และในวันที่ ๔ เมษายน ๑๙๔๔ เขาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บังคับการฝูงบินขับไล่โปแลนด์ที่ ๑๓๓ และในเดือนมิถุนายน ๑๙๔๔ เขาสามารถจัดการเครื่องบินเยอรมันตกอีก ๒ เครื่อง

                   สตานิสลอว์ สคัลสกี้ เป็นสุดยอดนักบินโปแลนด์ที่รักชาติและเข้าร่วมสงครามมาตั้งแต่วันแรกและอยู่รอดมาจนวันสุดท้ายของสงคราม โดยเขาสามารถยิงเครื่องบินข้าศึกตกรวม ๒๒ เครื่อง คนอังกฤษถือว่าเขาเป็นวีรบุรุษเพราะเป็นหนึ่งในคนกลุ่มเล็ก ๆ ที่ปกป้องน่านฟ้าอังกฤษให้พ้นจากมฤตยู แต่เมื่อกลับไปถึงโปแลนด์อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนซึ่งขณะนั้นปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์ เขากลับถูกมองว่าเป็นสายลับให้ชาติตะวันตกและถูกจับในปี ๑๙๔๙ ในข้อหาจารกรรม เขาถูกพิพากษาประหารชีวิตแต่ต่อมาศาลลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิตและถูกขังอยู่ ๖ ปี เมื่อลัทธิสตาลินนิสต์สิ้นสุดลงในปี ๑๙๕๖ เขาได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระและพ้นจากมลทินทั้งปวง และกองทัพอากาศไปแลนด์ได้รับเขากลับเข้ารับราชการอีกครั้งหนึ่ง และเกษียณอายุในปี ๑๙๗๒ ยศสุดท้ายของเขา คือ พลอากาศจัตวา

                                                         สัญญลักษณ์กองทัพอากาศโปแลนด์


                   พลอากาศจัตวา สตานิสลอว์ สคัลสกี้เพิ่งเสียชีวิตอย่างสงบที่บ้านในกรุงวอซอว์เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๐๐๔ รวมอายุ ๘๙ ปี