ปกรณ์ นิลประพันธ์
สุดยอดนักบินโปแลนด์
สตานิสลอว์ สคัลสกี้ (Stanisław Skalski) เกิดเมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๑๙๑๕ (พ.ศ. ๒๔๕๘) ที่อำเภอโกดีมา
(Kodyma) ซึ่งเป็นอำเภอเล็ก ๆ ในจังหวัดโอเดสสา (Odessa Oblast) ของรอสซิสกาย่า อิมเพริย่า (Российская
империя)
หรือจักรวรรดิรัสเซีย (ปัจจุบันจังหวัดโอเดสสาเป็นเมืองใหญ่ลำดับที่ ๔ ของยูเครน)
หลังจากจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษา
สคัลสกี้ผู้ใฝ่ฝันที่จะบินได้ในอากาศก็ได้สมัครเข้ารับการฝึกบินที่โรงเรียนการบินและสำเร็จหลักสูตรนักบินขับไล่ในปี
๑๙๓๘ เมื่อมีอายุได้ ๒๓ ปี หลังจากนั้น กองทัพอากาศโปแลนด์มีคำสั่งให้เขาไปปฏิบัติหน้าที่นักบินขับไล่ประจำฝูงบิน
๑๔๒ มีฐานปฏิบัติการที่เมืองโทรัน เมืองมรดกโลกอันเงียบสงบริมฝั่งแม่น้ำวิสตูล่า
ทางตอนเหนือของประเทศ โดยฝูงบินนี้ประจำการด้วยเครื่องบินขับไล่มาตรฐานของกองทัพอากาศโปแลนด์ในขณะนั้น
คือ PZL P-๑๑c
ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ปี ๑๙๓๔
ภาพทิวทัศน์เมืองโทรันในปัจจุบัน ถ่ายจากฝั่งซ้ายของแม่น้ำวิสตูล่า
เมื่อเยอรมันเปิดยุทธการโพเล่นเฟลซุก
(Polenfeldzug) ตามรหัสฟอลวีส (Fall Weiss) หรือรหัสสีขาว เพื่อบุกยึดโปแลนด์ระหว่างวันที่ ๑
กันยายน ถึงวันที่ ๖ ตุลาคม ๑๙๓๙ นั้น สตานิสลอว์ สคัลสกี้ ได้รับคำสั่งให้ออกปฏิบัติการปกป้องผืนแผ่นดินเกิดของเขาตั้งแต่นาทีแรกของสงคราม
โดยสคัลสกี้ขับ PZL P-๑๑c คู่ชีพของเขาไปจัดการเครื่องบินลาดตระเวน Hs ๑๒๖ ของลุฟท์วาฟเฟ่ตกเป็นเครื่องแรกเมื่อเวลา ๕.๓๒ น.
ของวันที่ ๑ กันยายน ๑๙๓๙ และเป็นหนึ่งในนักบินคนแรก ๆ ที่เปิดสกอร์การรบทางอากาศของสงครามโลกครั้งที่สอง
PZL P-๑๑c
Hs ๑๒๖
เมื่อไปถึงอังกฤษ
สคัลสกี้ได้เข้าร่วมเป็นนักบินของกองบินหลวงอังกฤษ
และกองบินหลวงได้มอบหมายให้เขาปฏิบัติหน้าที่นักบินขับไล่ประจำฝูงบิน ๕๐๑ ซึ่งมีฐานปฏิบัติการที่สนามบินครอยดอน
(Croydon) และประจำการด้วยเฮอริเคน Mk. I พื้นที่ปฏิบัติการครอบคลุมภาคใต้ของอังกฤษทั้งหมด
โดยอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนาวาอากาศโท H.A.V. Hogan
ในฐานะนักบินของกองบินหลวง สคัลสกี้ได้เข้าร่วมใน Battle of Britain อย่างเต็มตัวเพราะพื้นที่ปฏิบัติการของฝูงบิน ๕๐๑
เป็นพื้นที่หน้าด่านที่ต้องรับมือกับการโจมตีทางอากาศของลุฟท์วาฟเฟ่
และสถานการณ์รบที่แสดงให้เห็นถึงความเยี่ยมยุทธ์ของเขาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๕
กันยายน ๑๙๔๐ โดยเช้ามืดของวันนั้น ผู้บังคับฝูงได้รับคำสั่งให้ส่งนักบินออกไป “ต้อนรับ” ขบวนบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ของเยอรมันที่บินข้ามช่องแคบโดเวอร์มา
สคัลสกี้ได้รับคำสั่งให้ออกปฏิบัติการในเที่ยวนี้ด้วย
และทันทีที่เหลือบไปเห็นขบวนบินเยอรมัน สคัลสกี้ปรี่เข้าไปหาเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดกลางสองเครื่องยนต์แบบ
Heinkel He-๑๑๑ เป็นลำดับแรก
และเลือกยิงไปที่ปีกและเครื่องยนต์ด้านขวาของผู้เคราะห์ร้ายลำนั้นจนไฟลุกท่วมเอียงหัวพุ่งลงดินไป
เมื่อเขาหลบไปก็ไปก็เห็นเครื่องบินคุ้มกัน Bf-๑๐๙ บินทะเล่อทะล่าอยู่ข้างหน้าพอดี
จึงยิงไปหนึ่งชุดจนมันไฟไหม้และนักบินกระโดดร่มหนีออกมา อีกไม่กี่นาทีต่อมา
เขาบินไต่ขึ้นหาระยะสูงอย่างรวดเร็วเพื่อมองลงมาหาเหยื่อ และเขาเห็น Bf-๑๐๙ ลำหนึ่ง กำลังหาคู่อยู่ สคัลสกี้จึงพุ่งลงไปยิงเจ้า Bf-๑๐๙ ลำนั้นอย่างรวดเร็ว มันเกิดระเบิดขึ้นทันที
แต่เจ้ากรรมที่เขาหลบการระเบิดไม่พ้น สะเก็ดที่เกิดจากการระเบิดของ Bf-๑๐๙ เคราะห์ร้ายลำนั้นกระเด็นไปโดนถังน้ำมันของเฮอริเคนของเขาพอดี
เครื่องบินของเขาจึงพลอยติดไฟไปด้วย สคัลสกี้จึงต้องกระโดดร่มหนีเอาตัวรอด
แม้เขาจะรอดมาได้ แต่กระนั้นก็โดนไฟลวกหลายแห่งและต้องนอนโรงพยาบาลถึง ๖ สัปดาห์
ก่อนจะออกมาซ่าได้อีกครั้ง และระหว่าง Battle of Britain สตานิสลอว์ สคัลสกี้ ส่งเครื่องบินของลุฟท์วาฟเฟ่ลงไปกองเป็นเศษเหล็กได้ ๖
ลำ
Hurricane
Mk. I of ๕๐๑st Squadron
ในปี
๑๙๔๒ กองบินหลวงมอบหมายให้สคัลสกี้ปฏิบัติหน้าที่ผู้บังคับฝูงบิน ๓๑๗
ซึ่งประกอบด้วยนักบินโปแลนด์ เป็นการชั่วคราว และต่อมา เมื่อกองบินหลวงโดยได้รับความเห็นชอบจากกองบัญชาการทหารโปแลนด์
ได้จัดตั้งฝูงบินเฉพาะกิจ Polish
Fighting Team (PFT)
ขึ้นเมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๑๙๔๓ ประกอบด้วยนักบิน ๑๕ คน เพื่อไปร่วมปฏิบัติราชการสนามในสมรภูมิแอฟริกา
ในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ๑๙๔๓ สคัลสกี้ซึ่งมีฝีมือบินที่จัดจ้านที่สุด จึงได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ผู้บังคับฝูงบินนี้
สคัลสกี้ในเครื่องแบบทหารอากาศอังกฤษ
หนุ่มโปลลิชทั้ง
๑๕ คน มาถึงฐานปฏิบัติการของพวกเขา คือ สนามบิน บู กราล่า (Bu Grara) ซึ่งห่างจากทริโปลีไปทางทิศตะวันตก ๒๕๐ กิโลเมตร
เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๑๙๔๓ และได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่นักบินกลุ่ม C ของฝูงบิน ๑๔๕ ใช้เครื่องบินสปิตไฟร์ Mk. IX รหัสเรียกขาน ZX ๑-๙ และเริ่มออกปฏิบัติการบินเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม
๑๙๔๓
Badge
of PFT Squadron
Skalski’s Circus ออกปฏิบัติการวันสุดท้ายเหนือทะเลทรายในวันที่ ๖
พฤษภาคม ๑๙๔๓ ซึ่งสคัลสกี้ปิดฉากการรบในแอฟริกาด้วยการยิง Bf-๑๐๙ ตกอีก ๑ เครื่อง สิริรวมแล้วในช่วงเวลาเพียง ๒ เดือน
เขาจัดการเครื่องบินเยอรมันได้ ๔ เครื่อง ส่วนสถิติรวมของ PFT ก็งดงามไม่เบา โดยยิงเครื่องบินเยอรมันตก ๒๕ เครื่อง
ไม่ยืนยัน ๓ เครื่อง และพิการแน่ ๆ อีก ๙ เครื่อง
หลังจากสงครามในแอฟริกายุติลงเมื่อวันที่
๑๓ พฤษภาคม ๑๙๔๓ กองบินหลวงแต่งตั้ง สคัลสกี้เป็นผู้บังคับฝูงบิน ๖๐๑ และเขาได้เข้าร่วมปฏิบัติการครองอากาศในซิซิลีและอิตาลี
ก่อนจะกลับมาอังกฤษในเดือนธันวาคม ๑๙๔๓ และในวันที่ ๔ เมษายน ๑๙๔๔
เขาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บังคับการฝูงบินขับไล่โปแลนด์ที่ ๑๓๓ และในเดือนมิถุนายน
๑๙๔๔ เขาสามารถจัดการเครื่องบินเยอรมันตกอีก ๒ เครื่อง
สตานิสลอว์
สคัลสกี้
เป็นสุดยอดนักบินโปแลนด์ที่รักชาติและเข้าร่วมสงครามมาตั้งแต่วันแรกและอยู่รอดมาจนวันสุดท้ายของสงคราม
โดยเขาสามารถยิงเครื่องบินข้าศึกตกรวม ๒๒ เครื่อง คนอังกฤษถือว่าเขาเป็นวีรบุรุษเพราะเป็นหนึ่งในคนกลุ่มเล็ก
ๆ ที่ปกป้องน่านฟ้าอังกฤษให้พ้นจากมฤตยู แต่เมื่อกลับไปถึงโปแลนด์อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนซึ่งขณะนั้นปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์
เขากลับถูกมองว่าเป็นสายลับให้ชาติตะวันตกและถูกจับในปี ๑๙๔๙ ในข้อหาจารกรรม เขาถูกพิพากษาประหารชีวิตแต่ต่อมาศาลลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิตและถูกขังอยู่
๖ ปี เมื่อลัทธิสตาลินนิสต์สิ้นสุดลงในปี ๑๙๕๖
เขาได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระและพ้นจากมลทินทั้งปวง
และกองทัพอากาศไปแลนด์ได้รับเขากลับเข้ารับราชการอีกครั้งหนึ่ง และเกษียณอายุในปี
๑๙๗๒ ยศสุดท้ายของเขา คือ พลอากาศจัตวา
สัญญลักษณ์กองทัพอากาศโปแลนด์
พลอากาศจัตวา สตานิสลอว์ สคัลสกี้เพิ่งเสียชีวิตอย่างสงบที่บ้านในกรุงวอซอว์เมื่อวันที่
๑๒ พฤศจิกายน ๒๐๐๔ รวมอายุ ๘๙ ปี