วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เกอร์ฮาร์ด บาร์คฮอน (Gerhard Barkhorn) "หมายเลขสองของโลก"

ปกรณ์ นิลประพันธ์


Gerhard Barkhorn
          ไม่ว่าในสังคมใด เมื่อพูดถึงคนเก่ง คนก็มักจะพูดถึงคนที่เก่งที่สุดเสมอ คนที่ได้ลำดับรอง ๆ ลงไปมักจะไม่เป็นที่รู้จักและจดจำเอาเสียเลย นักบินรบก็เช่นกัน เมื่อกล่าวถึงยอดเพชฌฆาตแห่งเวหา ชื่อที่คุ้นเคยและกล่าวถึงย่อมเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก อีริค ฮาร์ทมาน ผู้สร้างสถิติยิงเครื่องบินข้าศึกตกถึง ๓๕๒ เครื่อง แต่ถ้าถามว่าหมายเลขสองของโลกคือใคร เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะตอบได้ ทั้งที่ชายผู้นี้ทำสถิติยิงเครื่องบินข้าศึกตกมากถึง ๓๐๑ เครื่อง ห่างจากสถิติของอีริค ฮาร์ทมาน เพียง ๕๑ ลำเท่านั้น และเขายังเป็นเพื่อนสนิทกับอีริค ฮาร์ทมาน ด้วย ชายผู้นี้คือ เกอร์ฮาร์ด บาร์คฮอน 

             นักบินที่โลกลืมคนนี้เกิดเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ค.ศ. ๑๙๑๙ (พ.ศ. ๒๔๖๒) ที่เมืองเคอนิกส์แบร์ก (Königsberg) เมืองหลวงของปรัสเซียตะวันออกที่อยู่บนชายฝั่งทะเลบอลติกและห่างจากเยอรมนีโดยมีฉนวนโปแลนด์คั่นกลาง (ปัจจุบันเมืองเคอนิกส์แบร์ก กลายเป็นเมืองคาลินินกราด (Kaliningrad)) ของรัสเซีย) เมื่ออายุ ๑๘ ปี (พ.ศ. ๒๔๘๐) เกอร์ฮาร์ด บาร์คฮอน ได้เข้าเป็นนักเรียนนายร้อย (Fahnenjunker) ในส่วนของลุฟท์วาฟเฟ่ และเข้ารับการฝึกบินตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ. ๑๙๓๘ (พ.ศ. ๒๔๘๑) เมื่อเขามีอายุ ๑๙ ปี
สัญลักษณ์ของ JG2
             บาร์คฮอนสำเร็จการศึกษาและติดยศเรืออากาศตรี.ในปี ค.ศ. ๑๙๔๐ (พ.ศ. ๒๔๘๓) เมื่อมีอายุเพียง ๒๑ ปี และลุฟท์วาฟเฟ่มีคำสั่งให้เขาไปปฏิบัติหน้าที่เป็นนักบินประจำฝูงบิน ๓ กองบิน ๒ (JG ๒) หรือกองบินริชโธเฟ่น (Richthofen) ซึ่งเป็นกองบินที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่มหาสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและเขาได้ออกปฏิบัติการรบครั้งแรกในการบุกเบลเยี่ยมและต่อมาในฝรั่งเศส หลังจากนั้น ลุฟท์วาฟเฟ่มีคำสั่งให้บาร์คฮอนย้ายไปปฏิบัติหน้าที่เป็นนักบินประจำฝูงบิน ๖ กองบิน ๕๒ (JG ๕๒) ประจำช่องแคบอังกฤษ และบาร์คฮอนได้ขับแมสเซอร์ชมิด Bf  ๑๐๙E เข้าร่วมปฏิบัติการในการยุทธแห่งเกาะอังกฤษ (Battle of Britain) ด้วย

สัญลักษณ์ของ III/JG2




            อย่างไรก็ดี ในระยะแรกของสงครามนั้นดูเหมือนว่าบาร์คฮอนจะทำบาปไม่ขึ้นทั้งที่ ฮาน โจอาคิม  มาซายล์ (Hans-Joachim Marseille) ซึ่งเป็นเพื่อนนักบินในฝูงบิน ๖ ของเขาส่งเครื่องบินข้าศึกลงไปกองเป็นเศษเหล็กอยู่ที่พื้นพสุธาเป็นว่าเล่น เพราะแม้บาร์คฮอนจะเข้าร่วมปฏิบัติการในสมรภูมิด้านตะวันตกมาแล้วถึงสามสมรภูมิ ซึ่งรวมทั้งการโจมตีตามแผนยุทธการสิงโตทะเลด้วย แต่เขายังไม่เคยยิงเครื่องบินข้าศึกตกเลยแม้แต่เครื่องเดียว ตรงกันข้าม บาร์คฮอนกลับถูกยิงตกถึงสองครั้ง แต่นับว่าโชคดีอยู่บ้างที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย
                                
สัญลักษณ์ของ JG52
                                            
            ในปี ค.ศ. ๑๙๔๑ (พ.ศ. ๒๔๘๔) ฝ่ายเสนาธิการกำหนดแผนยุทธการบาบารอสซ่า (Barbarossa) ขึ้นเพื่อโจมตีรัสเซีย แผนยุทธการนี้ตั้งชื่อตามจักรพรรดิ เฟรเดอริค บาบารอสซ่า (Frederick Barbarossa) ของจักรวรรดิโรมันอันยิ่งใหญ่ (Holy Roman Empire) ลุฟท์วาฟเฟ่จึงมีคำสั่งในวันที่ ๒๑ มิถุนายน ให้กองบิน ๕๒ (JG ๕๒) ไปปฏิบัติภารกิจครอบครองน่านฟ้าด้านตะวันออกแทน และไม่นานหลังจากนั้น บาร์คฮอนก็เริ่ม ทำบาปขึ้น โดยในการปฏิบัติการรบครั้งที่ ๑๒๐ เขายิงเครื่องบินโจมตีทิ้งระเบิดแบบอิลยูชิล ดีบี ๓ (Iljuschin DB-๓) ของกองทัพแดงตกเป็นเครื่องแรกตอนโพล้เพล้ของวันที่ ๒ กรกฎาคม ค.ศ. ๑๙๔๑ เหยื่อรายแรกนี้ทำให้บาร์คฮอนเกิดความมั่นอกมั่นใจในความสามารถของตนขึ้นทันทีทันใดและสร้างสถิติยิงเครื่องบินข้าศึกตกเป็นจำนวนมากอย่างรวดเร็วหลังจากอั้นมานาน โดยเขายิง เจ้าลาน้อย” (Little Donkey) โปลิคาป๊อฟ ไอ-๑๖ (Polikarpov I-๑๖ Ishak)ของกองทัพแดงตกเป็นลำที่ ๑๐ ในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ค.ศ. ๑๙๔๑ และในวัน  ถัดมา ลุพท์วาฟเฟ่เลื่อนยศเขาเป็นเรืออากาศโท (Oberleutenant)

         ในวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ค.ศ. ๑๘๔๒ (พ.ศ. ๒๔๘๕) ลุพท์วาฟเฟ่มีคำสั่งให้เรืออากาศโท เกอร์ฮาร์ด บาร์คฮอน ปฏิบัติหน้าที่ผู้บังคับฝูงบิน ๔ กองบิน ๕๒ และผู้บังคับฝูงหน้าใหม่คนนี้ยังขับแมสเซอร์ชมิด Bf ๑๐๙ F๔ รหัสเรียกขาน “White หรือที่เขาตั้งชื่อมันตามชื่อแฟนสาวของเขาว่า คริสเตล (Christl) ทำคะแนนมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยในเดือนพฤษภาคมเขายิงเครื่องบินข้าศึกตกอีก ๗ เครื่อง มิถุนายน ๑๖ เครื่อง และอีก ๓๑ เครื่องในเดือนกรกฎาคม โดยในวันที่ ๑๙ มิถุนายน นั้นถือเป็นวันสำคัญของฝูงบิน ๔ เมื่อผู้บังคับฝูงบาร์คฮอนสาธิต วิธีที่เหมาะสม ในการจัดการนักบินของกองทัพแดงให้ผู้ใต้บังคับบัญชาดูเป็นตัวอย่าง โดยเขาจัดการเครื่องบินของกองทัพแดงร่วงลงไปถึง ๖ เครื่อง ในการออกปฏิบัติภารกิจ ๓ เที่ยว รอบเช้า ๗.๐๐ นาฬิกา เป็น LaGG-๓ หนึ่งเครื่องและเฮอริเคนสองเครื่อง รอบเที่ยง ๑๑.๐๐ นาฬิกา เป็น LaGG-๓ หนึ่งเครื่อง และรอบบ่าย ๑๕.๐๐ นาฬิกา เป็น LaGG-๓ และโปลิคาป๊อฟ ไอ-๑๖ อย่างละหนึ่งเครื่อง และบาร์คฮอนเปิดการสาธิตซ้ำอีกครั้งหนึ่งในวันที่ ๒๐ กรกฎาคม โดยใช้เครื่องบิน LaGG-๓ ของกองทัพแดงเป็นอุปกรณ์ประกอบการแสดง ซึ่งในวันนั้นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาต้องละมือจากคันบังคับเพื่อปรบมือให้แก่ผู้บังคับฝูงถึง ๕ ครั้ง ในการออกปฏิบัติการสองเที่ยว เที่ยวเช้า ๑ ครั้ง และเที่ยวบ่าย ๔ ครั้ง                   
Bf 109-4 ของบาร์คฮอน
              บาร์คฮอนได้รับกางเขนเหล็กเพื่อแสดงความสามารถในการรบทางอากาศของเขาในวันที่ ๒๓ สิงหาคม ค.ศ. ๑๙๔๒ หลังจากยิงเครื่องบิน LaGG-๓ ของข้าศึกตกลงไปเป็นเครื่องที่ ๖๔ และได้รับอนุญาตให้ลาพักเป็นเวลา ๒ เดือน เมื่อเขากลับไปปฏิบัติการรบอีกครั้งในเดือนตุลาคม บาร์คฮอนยิงเครื่องบินข้าศึกตก ๑๔ เครื่องในเดือนตุลาคม ๗ เครื่องในเดือนพฤศจิกายน และ ๑๗ เครื่องในเดือนธันวาคมอันหนาวเหน็บ โดยเขาสามารถยิงเครื่องบิน P-๔๐ Warhawk ตกเป็นลำที่ ๑๐๐ ในวันที่ ๑๙ ธันวาคม และได้รับใบโอ๊ค (Eichenlaub) มาประดับกางเขนเหล็กที่ได้รับมาก่อนหน้านี้เมื่อยิงเครื่องบินข้าศึกตกครบ ๑๐๕ เครื่อง ในวันที่ ๑๑ มกราคม ค.ศ. ๑๙๔๓ (พ.ศ. ๒๔๘๖) และได้รับการเลื่อนยศเป็นเรืออากาศเอก (Hauptmann) หลังจากนั้น ผู้บังคับฝูงบาร์คฮอนก็เพิ่มสถิติให้กับตัวเองและกองบิน ๕๒ เพิ่มขึ้น และเขาสามารถจัดการเหยื่อรายที่ ๑๕๐ ได้ในวันที่ ๘ สิงหาคม ลำนี้เป็นอิลยูชิล ๒ เอ็มเอช (Iljuschin m.H.)

            บาร์คฮอนได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ผู้บังคับฝูง ๒ กองบิน ๕๒ เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ค.ศ. ๑๙๔๓ และทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาใหม่ยอมรับเขาโดยสนิทใจเมื่อเขาจัดการเครื่องบินข้าศึกตกลงไป ๑๕ เครื่องในเดือนกันยายน ๒๓ เครื่องในเดือนพฤศจิกายน และ ๒๘ เครื่องในเดือนธันวาคม โดยในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน เป็นวันที่เขาส่งเหยื่อรายที่ ๒๐๐ ของเขาลงไปจมอยู่ในกองหิมะ ในการนี้ ผู้บังคับฝูงคนใหม่สาธิตวิธีที่เหมาะสมในการจัดการนักบินของกองทัพแดงให้ผู้ใต้บังคับบัญชาใหม่ของเขาดูในวันที่ ๒๘ ธันวาคม เหมือนเช่นที่เคยเปิดการสาธิตมาแล้วที่ฝูงบิน ๔ โดยในวันนั้นเขาจัดการเครื่องบินของกองทัพแดงร่วงลงไปถึง ๗ เครื่องในภารกิจเดียว เป็น Yak-๑ จำนวน ๕ เครื่อง และอิลยูชิล ๒ เอ็มเอช กับพี-๓๙ แอร์คอบรา อีกอย่างละ ๑ เครื่อง
 
            ในวันที่ ๒๓ มกราคม ค.ศ. ๑๙๔๔ (๒๔๘๗) บาร์คฮอนกลายเป็นนักบินรบคนแรกที่ออกปฏิบัติภารกิจครบ ๑,๐๐๐ ภารกิจ และยิงเครื่องบินข้าศึกตกครบ ๒๕๐ ลำ ในอีก ๒๐ วันต่อมา และเป็นนักบินคนที่สองของลุฟท์วาฟเฟ่ที่สามารถทำได้ แต่นักบินของกองทัพแดงได้ฝากรอยแผลไว้เป็นที่ระลึกไว้ที่ศรีษะของบาร์คฮอนเช่นกัน แต่ไม่ร้ายแรงนัก ในวันที่ ๒ มีนาคม เขาได้รับดาบ (Schwerten) มาประดับกางเขนเหล็กของเขาเพิ่มจากใบโอ๊คที่มีอยู่แล้ว บาร์คฮอนนั้นเป็นเพื่อนสนิทกับอีริค ฮาร์ทมาน และในงานแต่งงานของฮาร์ทมานในเดือนมีนาคมนี้ บาร์คฮอนได้ทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวในงานแต่งงานของอีริค ฮาร์ทมาน ด้วย                                                                                                                                                                      

บาร์คฮอนในงานแต่งงานของฮาร์ทมาน

             บาร์คฮอนได้รับการเลื่อนยศเป็นนาวาอากาศตรีในวันที่ ๑ พฤษภาคม แต่ในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม แมสเซอร์ ชมิด Bf ๑๐๙ G ของเขาถูก พี-๓๙ แอร์คอบรา ของกองทัพแดง ยิงได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่โชคยังดีที่เขาสามารถนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินในเขตยึดครองของเยอรมัน กระนั้นก็ตาม บาร์คฮอนได้รับบาดเจ็บสาหัสและต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลนานถึง ๔ เดือน เขากลับไปอาละวาดบนน่านฟ้ารัสเซียอีกครั้งในเดือนตุลาคมด้วยความสุขุมกว่าเดิม แถมพกด้วยอาการบาดเจ็บที่คอยกำเริบระหว่างการบิน แต่ยังสร้างสถิติยิงเครื่องบินข้าศึกตก ๒๗๕ ลำ ในวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน และเป็นนักบินคนที่สองต่อจากอีริค ฮาร์ทมาน เพื่อนสนิทของเขาที่สามารถยิงเครื่องบินข้าศึกตก ๓๐๐ ลำ

            หลังจากยิง LaGG-๕ ตกเป็นเครื่องสุดท้าย (ลำที่ ๓๐๑) เมื่อวันที่ ๕ มกราคม ค.ศ. ๑๙๔๕ (พ.ศ. ๒๔๘๘) ลุฟท์วาฟเฟ่มีคำสั่งเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ให้บาร์คฮอนปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้บังคับกองบิน ๖ ฮอสท์ เวสเซ่ล (JG “Horst Wessel”) เพื่อปฏิบัติหน้าที่ป้องกันอาณาจักรไรซ์ (Reichsverteidigung) โดยมีฐานปฏิบัติการที่โพเซ่น (Posen) (ปัจจุบันพื้นที่นี้เป็นส่วนหนึ่งของโปแลนด์และรู้จักทั่วไปในชื่อภาษาโปลว่า “Poznan”) แต่บาร์คฮอนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มที่เนื่องจากอาการบาดเจ็บกำเริบอย่างรุนแรง จนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอีกครั้ง เมื่ออาการบาดเจ็บทุเลาลง บาร์คฮอนได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติการบินในกองบินขับไล่ไอพ่นที่ ๔๔ (JV ๔๔) ภายใต้การบังคับบัญชาของพลอากาศตรี อด๊อฟ กัลลานด์ โดยใช้เครื่องบินแมสเซอร์ชมิด Me ๒๖๒ 

Me262 Schwalbe
                                       

           บาร์คฮอนยุติการปฏิบัติการรบในสงครามกับแมสเซอร์ชมิด Me ๒๖๒ ในเที่ยวบินที่สองเท่านั้นเอง โดยในระหว่างออกปฏิบัติการโจมตีเครื่องบินทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรที่เข้ามาทิ้งระเบิดฐานบินของเขา แผงควบคุมเกิดเพลิงไหม้ บาร์คฮอนไม่สามารถควบคุมเครื่องบินได้และมันได้พุ่งไปชนเครื่องบินขับไล่คุ้มกันมัสแตงของอเมริกัน เขาต้องบังคับเครื่องร่อนลงฉุกเฉิน แต่เหตุการณ์นี้ทำให้บาร์คฮอนได้รับบาดเจ็บหนักที่คอเนื่องจากถูกฝาครอบที่นั่งนักบินตกลงมาบาดเป็นแผลเหวอะหวะ เขาต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลจนกระทั่งสงครามยุติ

บาร์คฮอนและครอบครัว

             ในระหว่างสงคราม บาร์คฮอนออกปฏิบัติการทั้งสิ้น ๑,๑๐๔ ครั้ง เหนือน่านฟ้าเบลเยี่ยม ฝรั่งเศส อังกฤษ รัสเซีย และเยอรมัน และทำสถิติยิงเครื่องบินข้าศึกตกทั้งหมด ๓๐๑ ลำ โดยเป็นผลงานที่เขาทำได้ในแนวรบด้านตะวันออกทั้งหมด หลังสงครามบาร์คฮอนแต่งงานกับคริสเตลแฟนสาวและกลับเข้ารับราชการในลุฟท์วาฟเฟ่ โดยเป็นผู้บังคับการกองบิน ๓๑ โบเลค (Boelcke) และเกษียณอายุราชการในตำแหน่งพลอากาศโทเมื่อปี ค.ศ. ๑๙๗๖ (พ.ศ. ๒๕๑๙) เขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ ๘ มกราคม ค.ศ. ๑๙๘๓ (พ.ศ. ๒๕๒๖) จากอุบัติเหตุทางรถยนต์





3 ความคิดเห็น:

  1. เยี่ยมมากๆ เลยครับ ขนาด อีริค ฮาร์ทมานน์ ยังไมค่อยมีคนเอามาแปลเลย

    ตอบลบ
  2. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณครับ ขออนุญาตินำไปเผยแพร่นะครับ

    ตอบลบ